ว่ากันด้วยเรื่องของแคมชาร์ฟกันนะครับ หลายๆ คนถามว่า ลิฟคืออะไร แล้วก็องศาที่ว่าคืออะไร แล้วก็มาถึงคำถามยอดฮิตที่ว่า “ใส่แล้วช่วยอะไร” เดี๋ยวมาว่ากันครับ มาพูดถึงก่อนว่าแคมชาร์ฟมันคืออะไร
แคมชาร์ฟ จะทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของวาล์ว โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ ระยะยก(Lift ที่กล่าวถึงข้างต้น)มีหน่วยเป็น mm ตัวเลขมันไม่สูงเช่น 6.0, 7.0, 7.5, 8.0, 9.5 เป็นต้น และระยะเวลาในการเปิดวาล์ววัดจากตอนวาล์วเริ่มเปิดจนกระทั่งปิดสนิทครับ การวัดจะวัดเป็นองศาของเครื่องยนต์ เช่น 256 องศา, 264 องศา, 272 องศา, 300 องศา เป็นต้นครับ การนำเอาแคมชาร์ฟที่มีระยะยกมากๆ มาใช้ต้องคำนึงถึงค่าความแข็ง( K ) ของสปริงวาล์วด้วย ไม่อย่างนั้นจะทำให้วาล์ว ทำงานผิดพลาดที่รอบสูงๆ ได้ นอกจากนี้การปรับการทำงานของแคมชาร์ฟให้ทำงานก่อนหลังจาก Standard ด้วยการใช้ Spocked มาช่วยปรับ เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่จะเรียกแรงม้าหรือแรงบิดในรอบต้นๆ ได้
คราวนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า “ใส่แล้วช่วยอะไร?”
เครื่องยนต์ถ้าเราประจุอากาศได้มากขึ้นเราก็จ่ายเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นได้ จ่ายไฟแรงๆ จึงส่งผลให้การจุดระเบิดทำได้รุนแรงขึ้น เครื่องยนต์จึงแรงขึ้น นี่คือสิ่งที่เราอยากได้ เพราะเชื้อเพลิง, แรงไฟเราสามารถควบคุมได้ ส่วนปริมาณอากาศนั้นควบคุมได้ยาก แต่การเปลี่ยนเป็นแคมซิ่งนี่แหละครับทำให้เราพอจะควบคุมอากาศได้ เราจึงต้องการการเปิดวาล์วที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มระยะยก) และเปิดนานให้ขึ้น (เพิ่ม timming) แต่ว่าไม่ใช่สักแต่เปิดมันก็ดีขึ้นนะครับ มันต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่างประกอบกันด้วย เช่น ประสิทธิภาพฝาสูบในการสร้างแรงดูดอากาศ ลักษณะเสื้อสูบ และอื่นๆ ที่จะส่งเสริมการดูดอากาศเพิ่มขึ้น การเพิ่ม timming นั้น จะลดกำลังอัดและแรงดูด จึงทำให้เครื่องที่ใส่ cam shaft ซิ่ง รอบต้นๆ ของเครื่องยนต์ค่อนข้างแย่ แต่จะแรงในรอบปลายๆ นั่นหมายถึงไม่ค่อยเหมาะกับการเอามาขับในชีวิตประจำวันซักเท่าไหร่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น